นี่เป็นครั้งแรกของ Fnatic ที่สามารถผ่านเข้ารอบคัดเลือกรายการแข่งขัน Dota2 หลักที่มี Valve บริษัทวิดีโอเกมชื่อดังเป็นผู้สนับสนุน หลังจากที่เอาชนะทีม Team SatuDuaTiga (ซึ่งเป็นที่รู้จักว่า Team 123) เพื่อนร่วมชาติจากมาเลเซียไป 2 – 0 ทำให้ได้เข้าไปแข่งรอบชิงชนะเลิศสายล่างในรายการแข่งขัน Frankfurt Dota 2 Major ในฐานะผู้ผ่านรอบคัดเลือกจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ก่อนหน้านี้ พวกเขาแพ้ทีม Mineski ไป 2 – 1 ในการแข่งขันของสายบนในรอบชิงชนะเลิศ ทำให้พวกเขาต้องเขี่ยทีมร่วมชาตินี้ให้ตกรอบไปเพื่อชิงตั๋วไปแข่งที่แฟร้งค์เฟิร์ตให้ได้
ต่อไปนี่จะเป็นบทวิเคราะห์ของโค้งสุดท้ายที่ Fnatic ได้ก้าวไปสู่เส้นทางแห่งเวทีใหญ่ที่แฟร้งค์เฟิร์ต
“Mineski” คู่แข่งมากฝีมือ
ในบทความก่อนหน้านี้เราพูดถึงการที่ Fnatic ต้องเตรียมรับมือกับฮีโร่ของไรอัน เจ คิว “Bimbo” ซึ่งควรเตรียมแผนสำหรับสไตล์การเล่นของคู่แข่ง ทำให้เห็นข้อเท็จจริงที่ว่าฟอร์มของพวกเขากำลังอยู่ในขาขึ้นตั้งแต่เริ่มการแข่งรอบคัดเลือกโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
แล้วผลก็ออกมาว่า Mineski สามารถเอาชนะ Fnatic ได้ภายใน 3 เกมนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดในเกมแรกทันทีว่าทีมจากฟิลิปปินส์ชนะในเลนไปได้อย่างง่ายดาย Windrunner ของคาร์โล ปาลาด “Kuku” เล่นเท่าที่จำเป็นเพื่อให้ Bimbo มีพื้นที่ฟาร์ม Spectre จนพาไปสู่ชัยชนะในที่สุด แม้ว่าตอนกลางเกม Fnatic จะเปิดไปหลายดอก แต่ด้วยตำแหน่งที่มีประสิทธิภาพมากกว่าทำให้ทีม Mineski ชนะไปในแมพแรกด้วยเวลาเพียง 44 นาทีเท่านั้น
ในแมพที่ 2 โดมินิค เรทมิเยอร์ “Black” และ ดจาร์เดล มัมพุสติ “DJ” ได้ร่วมกันสร้างคอมโบจาก Tiny และ Wisp ทำให้ทั้งคู่สามารถสร้างฟอร์มร้อนแรงได้ตั้งแต่เริ่ม เกมจบในนาทีที่ 25 หลังจากที่ Mineski ไม่สามารถรักษา Roshan ไว้ได้ รวมทั้งเกิดการต่อสู้กันที่ร้านค้าลับฝั่ง Dire ทำให้ทีมจากฟิลิปปินส์ได้ตัดสินใจประหยัดเวลาด้วยการจบเกมนี้ไป
ในขณะนั้นทีมทั้ง 2 ต่างต้องเอาชนะอีกเพียง 1 เกมเพื่อชิงตั๋วไปสู่แฟร้งค์เฟิร์ตให้ได้ในรอบนี้ ทำให้ Fnatic ตัดสินใจเลือก Windrunner, Jakiro และ Nature’s Prophet (มาเป็นตัวสนับสนุน) มี Rubick และ Doom ที่เป็นคอยสนับสนุนยามจำเป็นและแครี่พลังให้กับทีมตามลำดับ ในขณะเดียวกันทางด้าน Mineski ได้จัดทัพให้เป็นทีมโจมตีสายหนักที่เปลี่ยนรูปเกมไปในภายหลัง ซึ่งฮีโร่เหล่านั้นประกอบด้วย Shadow Fiend, Drow Ranger และ Tusk
เกมค่อยๆดำเนินไปอย่างช้าๆจนกระทั่ง เจสซี่ คริสตี้ คูยโค “JessieVash” ตัดสินใจใช้ไม้หนักด้วย Bounty Hunter ของเขา ในการแกะรอยศัตรู ซึ่งในการปะทะครั้งนี้ทำให้ฮีโร่ของทีมมาเลเซียถูกปราบลง รวมถึงเงินที่พวกเขาได้รับมาด้วย นั่นจึงเป็นที่มาให้ทีมจากฟิลิปปินส์ได้รับตั๋วเข้าไปเล่นเกมยักษ์ที่แฟร้งค์เฟิร์ตไปก่อน ด้วยสไตล์การรุกหนักและจบเกมภายใน 21 นาที
ชิงตั๋วใบสุดท้ายกับ Team SatuDuaTiga
หลังจากที่พ่ายแพ้ Mineski มา ทำให้ Fnatic จนมุมและไม่เหลือทางเลือกใดนอกจากต้องเอาชนะทีมจากมาเลเซียที่คล้ายกันมากอย่างทีม Team SatuDuaTiga (123) ซึ่งนำทีมโดย นัง เวย พูง “YamateH” ผู้เล่นระดับตำนาน เพื่อชิงโอกาสสุดท้ายเข้าไปเล่นในการแข่งขันหลัก
ในแมพแรกนั้น 123 สร้างปัญหาให้กับ Fnatic ไว้มากตั้งแต่เริ่มเกมทีเดียว ทำให้ 123 ขึ้นนำก่อนไปก่อนตั้งแต่ช่วงต้นจนกลางเกม แต่พวกเขาก็ไม่ลดหย่อนการป้องกันให้กับ Medusa ของ Black^ จนกระทั่งฮีโร่ของเขากลับมาออนไลน์พร้อมไอเทมครบครันและกลับไปจัดการทีม 123 ราบคาบภายในเวลา 57 นาที
ในแมพที่ 2 เกมดำเนินไปอย่างรวดเร็ว โดย Alchemist ของ Black^ และผองเพื่อน โจมตีหนักตั้งแต่นาทีแรกที่เริ่มเกม เพื่อให้แน่ใจว่า Spectre ของ เบนจามิน ลิม ยี ชอง “Ben” จะไม่สามารถสร้างผลกระทบใดๆในเกมได้ จนกระทั่งเกมจบไปในนาทีที่ 32
สรุป
ในท้ายที่สุดแล้ว Fnatic ก็สามารถฝ่าฟันขวากหนามมาได้และมุ่งหน้าสู่แฟร้งค์เฟิร์ตพร้อมกับ Mineski ทีมที่ไม่ได้เข้าไปเล่นรายการแข่งขันใหญ่ Dota 2 ที่มี Valve เป็นสปอนเซอร์ ตั้งแต่ครั้งแรกเมื่อปี 2011 ในการแข่งขัน The International
ถึงเวลาแล้วที่ Fnatic จะเป็นตัวแทนของทีมจากภูมิภาคตะวันออกเฉียงใต้ร่วมกับ Mineski ในศึกใหญ่ของรายการแข่งขัน Dota 2 ครั้งแรกในประวัติศาสตร์
Fnatic จะสามารถทำให้ชาวอาเซียนภูมิใจมากขึ้นไปอีกได้ไหมนะ? เราว่าพวกเขาทำได้!