สืบเนื่องมากจากการที่ Brendan ‘PlayerUnknown’ Greene บิดาผู้ให้กำหนด Playerunknown’s Battlegrounds (PUBG) ได้กล่าวมาโดยตลอดว่า “PUBG ยังไม่พร้อมจะเป็นอีสปอร์ต” แม้ว่าเกมนี้เพิ่งจะมี PUBG Global Invitational 2018 (PGI 2018) ทัวร์นาเมนต์ชิงแชมป์โลกที่มีคนดูพร้อมกันถึง 39 ล้านคน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เกมพร้อมและถูกยอมรับในฐานะ “อีสปอร์ต”
ความเห็นของใครก็ไม่น่าสนใจเท่า Michael Grzesiek หรือ “Shroud” สตรีมเมอร์คนดัง อดีตนักกีฬา CS:GO ที่แจ้งเกิดและมีชื่อเสียงโด่งดังจากการสตรีมเกม PUBG จนตอนนี้มีผู้ชมการถ่ายทอดสอดของเขามากที่สุดใน Twitch เป็นรองแค่ Tyler “Ninja” Blevins สตรีมเมอร์เบอร์ 1 ของโลก
Shroud กล่าวว่า “PUBG ก็ยังไม่เหมาะสำหรับการแข่ง และไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมีวันที่เกมนี้พร้อมหรือเปล่า อย่างแรก ใครๆ ก็รู้ว่าเกมนี้เต็มไปด้วยบัคมากมาย อย่างที่สอง ถ้ามองในแง่ของคนจัดการแข่งขันแล้ว ปัญหาสำคัญคือ Logistic ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทาง ความเป็นอยู่ ยิ่ง PUBG มีผู้เล่นบนเวที 64-100 ชีวิต มันเลยเรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายของนักกีฬาและผู้จัดอย่างแท้จริง” นักสตรีมเกมชื่อดังให้เหตุผล
อย่างไรก็ตาม Shroud ก็ยังวกกลับมาพูดถึงแก่นแท้ที่เขายังไม่ยอมรับว่า PUBG เป็นเกมที่ใช้ฝีมือเอาชนะคู่แข่ง “ท้ายสุด ปัญหาหลักที่แท้จริงของ PUBG คือ เกมแนว Battle Royale ห่างไกลจากการเป็นอีสปอร์ตมาก”
“ถ้าอยากทำเกมแข่ง คุณควรจะลดจำนวนผู้เล่นลงเหลือเกมละ 30 คน แต่มันก็จะไม่ใช่ Battle Royale อีกต่อไป” อดีตนักกีฬาอีสปอร์ตแห่ง Cloud9 ชี้ว่าปัญหาหลักของ PUBG แท้จริงแล้วเกิดจากประเภทของเกมต่างหาก
นี่คงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้อดีตนักแข่งเกมอาชีพผู้ชื่นชอบการใช้ความแม่นเอาชนะคู่แข่ง หันไปเล่น Call of Duty: Black Op 4 สลับกับ Fortnite บ้างเป็นครั้งคราว โดยที่ไม่กลับมาเล่น PUBG อีกเลย