Warlock พ่อมดผู้ส่งความวุ่นวาย
Warlock เป็นฮีโร่สาย Intelligent สายตีไกล ที่เป็นได้ทั้ง Core และ Support
เนื่องจาก Shadow Word เป็นสกิลที่ดีทั้งการ Sustain ตัวเอง หรือทำดาเมจกับฝ่ายตรงข้าม
Warlock ทำหน้าที่ได้ดีกว่า เมื่อเป็น Support เพราะถึงแม้สกิลส่วนมากจะเป็น Area of effect
แต่ก็ไม่สามารถเป็นตัวหลักในการ Intiator หรือเปิดไฟต์ได้
การเข้าจังหวะที่สอง ตามจากการเปิดไฟต์ของเพื่อนร่วมทีม จะทำให้มีโอกาสชนะไฟต์นั้นๆสูงมาก
หรือเข้าในจังหวะช่วยเหลือเพื่อนจากการโดนอีกฝ่ายเข้าทำ มีโอกาสสูงทีเดียวที่จะพลิกไฟต์นั้นๆได้
การเป็น Support จะทำให้เรามี Core เพิ่มมาที่่จะช่วยเพิ่มจังหวะการเข้าทำ
และทำให้เราถูกเพ่งเล็งในทีมไฟต์ลดลง จากปกติที่จะถูกเล็งฆ่าก่อนที่จะได้ใช้ Ultimate
ยิ่งใน Patch นี้ที่มี Talent มาซัพพอร์ตฮีโร่หลายๆตัวให้มีรูปแบบการเล่นมากขึ้น
Fatal bond จึงเป็นสกิลที่ทรงพลังมากขึ้นกว่าที่เคยเป็นมา ยกตัวอย่างเช่น Ember spirit ที่เดี๋ยวนี้
จะเล่นสาย Burst กับแทน เนื่องจาก Talent Lv.10 ที่เพิ่มดาเมจจากสกิล 15%
เมื่อผนวกเข้ากับ Fatal Bond ศัตรูจะถูกกระจายดาเมจจนแทบจะแพ้ไปแล้วในไฟต์นั้นๆเลยทีเดียว
ท้ายที่สุดที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ Chaotic Offering สกิลที่ทะลุ Bkb ได้(กรณีที่ใช้ Stun)
Golem แพทช์นี้ยังถูกบัฟให้ Purge ไม่ได้แล้ว(เมื่อก่อนโดนออก Diffusal blade ก็จบเลยครับ)
Warlock นั้นถูกหยิบมาอาจจะไม่บ่อยมาก เนื่องจากมีข้อจำกัดในเรื่องการ Position ในไฟต์
แต่WInrate นั้นค่อนข้างสูงทีเดียว
แนวทางการอัพสกิล
● เลเวล 1 ส่วนมากแล้ว Shadow word จะคุ้มที่สุด เพราะทั้งทำดาเมจและช่วยพยุงเลนได้มาก
ในขณะที่สกิลอื่นจะไม่ค่อยมีประโยชน์มาก ในเลเวลแรกๆ
● เลือกที่จะ Max Shadow word เป็นสกิลแรก เนื่องจากเป็นสกิลที่คุ้มในการช่วยเหลือเพื่อน
และทำดาเมจ ที่ไม่ได้มีข้อจำกัดเยอะเท่าสกิลอื่นๆ
● ถ้าใน Patch ก่อนๆ อาจต้องตัดสินใจว่าจะเลือกอัพ Upheaval หรือ Fatal bond ให้เต็มก่อนดี
เนื่องจากการคอมโบ Upheaval กับ Chaotic offering นั้นสามารถทำให้ชนะไฟต์ได้ง่ายๆ
แต่ใน Patch ปัจจุบันที่มีระบบ Talent เข้ามา Fatal bond มีประโยชน์กว่ามากๆ
เพราะมันสนับสนุนเพื่อนในทีมในเรื่องของดาเมจอย่างมาก
ขณะที่ Upheaval อาจไม่จำเป็น เพราะ Patch นี้ทีมไฟต์ไม่ได้มี Impact มากเท่า Patch ก่อนๆ และไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆในช่วงต้นเกมอีกด้วย
● Fatal bond ลิ้งค์กระจายดาเมจให้ศัตรูรอบๆ(รวมถึงครีป แต่จะเล็งไปที่ฮีโร่ก่อน) 25%
ซึ่งถือว่าเยอะมากๆ ดาเมจที่กระจาย จะเป็นดาเมจประเภทเดียวกับที่เป้าหมายโดน
(สมมุติโดนโจมตีกายภาพ ก็จะกระจายดาเมจกายภาพ) นั่นทำให้ใช้ขัด Blink Dagger ได้
การกระจายดาเมจจะกระจายก่อนนำไปบวกลบผลสถานะ เช่น กรณี Abaddon Borrow time
ดาเมจจะถูกแชร์ไปรอบๆก่อน โดยไม่นับว่าเป็นการฟื้นฟูแบบ Abaddon
● Fatal Bond สามารถไม่ทะลุ Linken sphere ได้ แต่ยังสามารถถูกลิ้งค์ได้ถ้าเล็งไปที่ยูนิตรอบๆ
และไม่มีผลกับสกิลจำพวกคิดตามเปอร์เซ็น Hp (เช่น Necrophose Reaper’s scyth)
ถูกถูกลบออกได้(เช่น Abaddon Apotic shield)
มีผลกับ Spell immunity (Bkb) ในกรณีที่ใช้ก่อนอีกฝ่ายกดใช้
โดยอีกฝ่ายจะรับแชร์ดาเมจกายภาพและ Pure ไม่ได้รับแชร์ดาเมจจากสกิลหรือ Magical
● Shadow word จะฮีลหรือทำดาเมจภายหลังร่าง 1 วิ นาที เป็นเวลา 12 วินาที
โดยจะทำดาเมจและ Heal ได้ถึง 180/300/420/540
ซึ่งถือว่าสูงมากๆ อาจจะคุ้มกว่าในการ Heal เพื่อนเนื่องจากไม่ถูกหักลบค่าป้องกันเวทย์มนตร์
การหยิบ Shadow word ที่เลเวล 1 เหมือนกับมี Tango ฟรีให้เพื่อน 1 อัน ต่อสกิลในเลน
ทำให้การยืนเลนทำได้ง่ายขึ้นมากๆ ถ้าไม่ถูกจัดสามชนมากดดัน เป็นสกิลที่มีประโยชน์ตลอดทั้งเกม เลทเกมแม้ดาเมจจะไม่ค่อยมีผลมากแล้วแต่ก็ยังเป็นสกิลที่ใช้ในการขัด Blin dagger ได้ด้วย
● Upheaval จะ Slow ศัตรูในพื้นที่วินาทีละ 7%/14%/21%/28% เวลาร่ายทั้งหมด 16 วินาที
เป็นสกิลที่ดี แต่เนื่องจากใช้ระยะเวลาในการแสดงผล จึงไม่สามารถใช้ได้ด้วยตนเองได้
ใช้เวลา 12.5/6.5/4.5/3.5 วินาที ในการ Slow ผลสูงสุดของสกิล นั่นคือ 84%
ต้องมีเพื่อนช่วยเข้าทำ Stun ให้ก่อน หรือใช้คู่กับ Chaotic Offering สกิลนี้ความคุ้มค่าลดน้อยลง
และเลเวลแรกๆก็ไม่ค่อยมีประโยชน์มาก เนื่องจากข้อจำกัดในการใช้ที่เยอะกว่าสกิลอื่นนั่นเอง
● Upheaval สามารถ Slow ศัตรูที่ใช้ Bkb ได้ ถ้าถูกร่ายก่อนที่อีกฝ่ายจะกดใช้
● Chaotic Offering หนึ่งในเหตุผลที่หลายๆคนเลือกหยิบ Warlock ก็สกิลนี้แหละครับ
สกิลนี้สามารถ Stun ศัตรูที่กำลังใช้ Bkb ได้ นั่นทำให้ถ้าฝ่ายเราเปิดเข้าไป แล้วอีกฝ่ายไหวตัวทัน
กดใช้ Bkb เราก็ยังมีสกิลหยุดที่สองในการช่วยเพิ่มจังหวะและโอกาสให้เพื่อนในทีมไฟต์นั่นเอง
● Chaotic Offering Golem นั้นจะมีออร่าดาเมจรอบๆ เหมือนกับ radient แต่ไม่ได้กว้างมากแบบนั้น
และจะทำดาเมจเพิ่มพิเศษเพิ่มรอบๆเป้าหมายที่ Golem โจมตี(เหมือนกับ Battle Fury)
ทำให้การ Push ครีปไวมากๆ เนื่องจากสามารถเคลียร์ครีปได้รวดเร็ว
● Chaotic Offering นั้นนับว่าเป็นยูนิตประเภทเดียวกับ Hero ทำให้ร่ายสกิลใส่ได้
เช่น Shadow word หรือ Shallow Grave การร่าย Shadow word ใส่ Golem สามารถช่วยทำให้
Golem ไม่ถูก Right click ตายในทันที จะยื้อเวลาหรือเพิ่มการ Sustain ให้กับ Golem ได้
Item
Beginning of the game ไอเทมเริ่มต้น
ไอเทมช่วงต้นเกม ถ้าเราเป็น Support คนเดียว ก็อาจจะลำบากหน่อย แต่หลักๆที่จำเป็นจริงๆก็คือ
Tango กับ Clarity ที่จะทำให้เราและเพื่อนในเลน Sustain ได้ง่ายขึ้น นอกนั้นแล้วแต่เลยครับ
ว่าเราจะเลือกไปออกไอเทมไหนต่อ Medalion ต่อจาก Blightstone
Wind lace เพื่อเพิ่มความคล่องตัว หรือ Ring of protect เพื่อเพิ่มความถึกขึ้นในเลน
Early game ต้นเกม
ต้นเกมนี่ แล้วแต่สภาพเกมครับ ถ้าทีมเราได้เปรียบ ไม่โดนกดดัน Carry ทีมเราเล่นสบาย
เราอาจจะ Gank ได้เยอะ ไหลลื่น อาจจะออก Hand of midas มาเร่งเงินเพิ่มด้วยก็ได้ครับ
แต่ไม่ค่อยแนะนำนะครับ ยกเว้นเกมที่คิดว่าจำเป็นจริงๆ
เพราะไอเทมอื่นๆจะสามารถทำให้เราและเพื่อนในทีมได้เปรียบและเล่นง่ายขึ้นมากๆ
Tranquil Boots + Soulring ยังเป็นเพื่อนยามยากเสมอ ในเกมที่เสียเปรียบหรือเกมที่เราจนมากๆ
เนื่องจากส่วนผสมแต่ละชิ้นนั้นราคาถูก และสามารถเก็บให้ถึงได้ไวกว่า Arcane boots
Urn of shadow ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกเช่นกันในเรื่องมานาและได้การ Heal เพิ่มขึ้น
Raindrop นั้นช่วยในกรณีที่อีกทีมมีสกิล Burst ทำให้พอจะป้องกันดาเมจและอาจช่วยให้รอดชีวิตได้
Core item ไอเทมสำคัญ
เลือกออกแต่ละชิ้นตามสถานการณ์แต่ละเกมและสถานภาพทางการเงินในช่วงนั้นๆ
Aghanim Scepter ยิ่งได้ไวก็ยิ่งดี แต่ไม่ได้หมายความว่าไปแย่งลาสฮิต Carry นะครับ
เซปเตอร์ทำให้ Chaotic offering เรียก Golem เพิ่มมาเป็นสองตัว
เพิ่มทั้งดาเมจและประโยชน์ต่างๆสองเท่า
Blink Dagger เพื่อช่วยให้ใช้ Chaotic offering ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เหมือนเพิ่มระยะร่ายให้
เช่นเดียวกับ Force staff และ Aether lense Dagger ใช้ได้บ่อยกว่าแต่ถูก Disable ได้
Mekanism เพิ่มการ Sustain ในทีมไฟต์หรือช่วยเพื่อนจากการ Gank ได้และออร่ายังช่วย push ด้วย
Eul scepter ยื้อชีวิต หรือเพิ่มสกิลหยุดให้กับ Warlock เช่นเดียวกับ Glimer cape
แต่ Glimer cape จะถูกแก้ทางได้ด้วย True Sight แต่ Eul เหมือนตัดจังหวะหรือคอมโบอีกฝ่าย
Rod of Atos หลัง 7.00 มีการบัฟ Root ขึ้นมาเดี๋ยวนี้แทบจะกลายเป็น stun จึงดีมากๆ
Veil of discord เพิ่มดาเมจให้กับเราและเพื่อนร่วมทีม ที่พอบวกเข้ากับ Fatal bond จะยิ่งรุนแรงมากๆ
ถ้าไม่มีคนในทีมออก(ซึ่งส่วนมากถ้าทีมมี Core เป็น Nuker Core ก็จะเป็นคนออกมาเองอยู่ดี)
เราก็สามารถออกมาช่วยเพื่อนได้
Late Game ช่วงท้ายเกม
ไอเทมช่วงนี้เหมือนเป็นการแก้ทางหรือปิดจุดบกพร่องให้เพื่อนในทีม ว่าขาดหรือต้องการอะไร
Pipe of insight ในกรณีที่ทีมยังไม่มี(แต่ส่วนมาก Tank จะออกมากัน ไม่งั้นเราออกมาช่วยก็ได้)
หรือ Lotus Orb ออกมากันสกิลอีกฝ่าย โดยส่วนมากจะใส่ให้แนวหน้าหรือ Carry ฝ่ายเราที่โดนเพ่งเล็ง
Guardin Greaves อัพเกรดในกรณีที่เรามีทั้ง Arcane boots และ Mekanism จะได้ประหยัดช่อง
หรือถ้าไม่มีก็อาจจะเปลี่ยนเป็น Boots of travel แทนในการซ้อนเพื่อนได้ไวขึ้น
Guinso Hex นั้นดีเสมอ หนึ่งการหยุดที่เพิ่มขึ้นมาย่อมมีประโยชน์
Refresher Orb จะคุ้มมากถ้าเรามี Aghanim Scepter ถ้าไม่มีไอเทมอื่นน่าจะช่วยทีมได้มากกว่า
Black King Bar ถ้าอีกฝ่ายมีสกิลขัดเยอะจนเราแทบไม่ได้ทำอะไรในไฟต์ หรือโดนเล็งเก็บเป้าหมายแรก และ Ghost Scepter ในกรณีที่ Carry อีกทีมเป็น Right click จะช่วยยื้อเวลาจนเพื่อนมาช่วยเรา
Octarion Core ลด Cooldown นั้นดีเสมอ ยิ่งกับ Warlock ที่มี Cooldown Ultimate ค่อนข้างนาน
Shiva Guard เพิ่มเกราะให้อย่างมาก และเพิ่มการ Slow สำหรับทีมไฟต์ และเป็นเครื่องมือช่วยเคลียร์ครีปในกรณี
Hero Talent
Lv. 10 : มีประโยชน์ทั้งสองทาเล้นต์ หลังเลเวล 10 คือ ช่วงที่เราจะอัพสกิล Upheaval
ซึ่งมีประโยชน์ในทีมไฟต์ แต่ก็ไม่ได้เป็นสกิลที่ช่วยได้มากเท่า Fatal bond เพราะฉะนั้น
เลือก 6 stat อาจจะช่วยสนับสนุนการเล่นเราได้มากกว่าเลือก XP gain
Lv. 15 : Movement Speed นั้นดี แต่เพิ่มระยะร่ายนั้นดีกว่ามากๆ
ทำให้ Warlock ไม่ต้องเอาตัวเข้าไปลึกในการเข้าทำ และสนับสนุนเพื่อนได้ดีขึ้น
Lv. 20 : ทั้งสองทาเล้นต์นั้นดี ขึ้นกับว่าเกมช่วงนั้นเราตายบ่อยแค่ไหน
ถ้าเราถูกเล็งเป็นเป้าหมายแรกๆ แทบจะตายทันที หรือ Carry อีกทีมรวยมาก ก็อาจจะเลือกลดเวลาเกิด
แต่ถ้าเราเป็นฝ่ายนำ Snowball อีกทีมและไม่ค่อยตายเลย การเลือกเพิ่ม Hp ก็ช่วยให้เราได้เปรียบขึ้นอีก
Lv. 25 : เป็นทาเล้นต์ที่ดีทั้งคู่ ขึ้นกับว่า Carry หรือดาเมจส่วนมากของอีกทีมเป็นแบบไหน
ถ้าเป็น Skill หรือ Burst Aoe ก็อาจเลือก Magic immunity และถ้าเป็น Right click ก็เลือกเกราะ
ที่พอจะช่วยยื้อให้ Golem ไม่ตายภายในทันทีที่ใช้สกิลเสร็จ
Worst matchup ตัวที่แก้ทาง
● Anti-Mage แทบจะเป็นศัตรูกับทุก Caster เพราะงั้น ทุกสกิลของ Am แก้ทาง Warlock ได้หมด
แถม Am สามารถใช้ Mana Void ทันทีที่ Warlock ใช้ Chaotic Offering
โดยจะขัดการใช้ Upheaval และทำดาเมจมหาศาลให้กับศัตรูรอบๆด้วย
● Surg ของ Darkseer ทำให้ Upheaval ไร้ผล และยังโดนรวบสวนแทนได้อีกด้วย
● Blood rite สามารถหยุดการร่าย Upheaval รวมถึงสกิลอื่นๆโดยสิ้นเชิงได้
● Rupture ทำให้ Warlock ขยับไม่ได้ Warlock ไม่มีอะไรช่วยให้หนีได้อยู่แล้วนอกจากเดิน
แถมถ้าโดน Blood rite ซ้ำด้วย ก็แถบจะเกือบตายเลยทีเดียว
● Arcane Orb ของ OD สามารถฆ่า Golem ได้อย่างง่ายด่าย
● Silencer ใบ้ Warlock ได้
● Arcane Curse ทำให้ไม่สามารถฮีลหรือใช้สกิลอื่นได้โดยไม่ถูกดาเมจจากสกิล
● Skuchi หนีออกจาก Upheaval อย่างง่ายดายทำให้สกิลไม่มีผลกับตัว Weaver
● Timelaps ฟื้นฟูดาเมจทั้งหมดที่ Warlock ทำไว้ ในกรณีที่ใช้คอมโบแล้ว Weaver ไม่ตาย
อื่นๆที่แพ้ทาง
● Ursa สกิล Enrage สามารถหยุดดาเมจได้ช่วงหนึ่ง
● Spirit Breaker สามารถหนีออกจาก Upheaval ได้ เข้าถึงตัว Warlock ได้ง่าย รวมถึงฮีโร่ตัวอื่นๆ ที่สามารถกระชากหรือมีวิธีเข้าถึงตัวได้ง่ายๆด้วย เช่น Chaos Knight
● Blink Dagger และ Eul scepter สามารถลบบัฟหรือใช้หนีออกจาก Up heaval ได้
● ไอเทมที่ให้ผล Silence หรือ Slow เช่น Orchid และ Diffusal Blade