WePlay Dota League Season 3 Winners Spotlight – MVP Phoenix

ตลอดระยะเวลา 4 วัน กรุงเคียฟกลายเป็นสนามรบให้ 8 ทีมได้ห่ำหั่นกันในรายการ WePlay Dota League Season 3 รายการที่มีเงินรางวัลรวมกันถึง 208,239 ดอลลาร์สหรัฐฯ และยังเป็นรายการแรกที่จัดขึ้นภายใต้แพทช์ 6.87 ใหม่ล่าสุด

โดยผู้ชนะรายการนี้คือ MVP Phoenix ทีมที่ทำผลงานได้อย่างเหนือชั้นกว่าทีมอื่นๆในรายการนี้ โดยยอดทีมจากเกาหลีแพ้ไปเพียง 2 จาก 11 นัด จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาคือทีมที่ดีที่สุด

หลังจากทำผลงานได้อย่างได้ดีด้วยอันดับ 4 ที่ที่เซี่ยงไฮ้ ทำให้ความสำเร็จของยอดทีมจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ครั้งนี้ไม่ได้เกินคาดนัก และยังมีสาเหตุมาจากการที่พวกเขาทำผลงานได้ดีต่อเนื่องหลายๆเดือนติดกันรวมไปถึงการคว้าแชมป์ Dota Pit League Season 4 ในเดือนมีนาคม

แต่เดิม MVP Phoenix ต้องลงเล่นในรอบคัดเลือก แต่ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับเชิญจากทาง WePlay เนื่องจากฟอร์มการเล่นที่ดีเกินเหตุ

 

เส้นทางสู่ Grand Finals

จากนั้นพวกเขาก็ต้องโคจรมาพบกับ Na`Vi ทีมเจ้าถิ่นในรอบรองชนะเลิศ ซึ่งในเกมแรกพวกเขาจัดทีมสไตล์ลุยแหลกแต่ต้นเกม และสามารถฝ่าฟันการออกตัวแรงช่วงต้นเกมของ Na’Vi ได้ ก่อนที่จะคว้าชัยในช่วงท้ายเกม ซึ่งปัจจัยสำคัญในนัดนี้คือฮีโร่ Alchemist ที่ทำได้ถึง 1034 GPM สูงสุดในทัวร์นาเมนต์

แมตช์ที่ 2 MVP ต้องเป็นฝ่ายตามหลังตลอดเกม แต่ในช่วงหลังพวกเขาก็พลิกเกมมาด้วยด้วยการคิลของ Bounty Hunter ที่ช่วยให้ทีมช่วงชิงความได้เปรียบมาไว้ในมือได้ในที่สุด

หลังจากเอาชนะ Na’Vi ไปได้ MVP จึงโคจรมาพบกับ Vega Squadro ในรอบ Winners’ Finals ในระบบ 2 ใน 3 เกม โดย MVP เอาชนะ 2 เกมสำคัญจากการเป็นฝ่ายตามหลังได้สำเร็จ แม้ทีมของเขาจะดูเหมือนจะเหมาะกับการเล่นต้นเกม แต่ในที่สุดด้วยการเล่นที่ยอดเยี่ยมและการเล่นที่แย่ 2-3 ครั้งของ Vega ทำให้พวกเขาเข้าชิงชนะเลิศในที่สุด

 

รอบ Grand Final

ชัยชนะรอบที่ผ่านมาทำให้พวกเขาก้าวสู่รอบ Grand Finals ที่จะแข่งกันในระบบ 3 ใน 5 เกม โดยพวกเขาจะต้องรอผู้ชนะระหว่าง Vega Squadron กับ EG ในรอบ Losers’ Finals และในที่สุดก็เป็น Vega ที่ที่ได้เข้ามาชิงดำกับ MVP ในการพบกันครั้งที่ 3 ของรายการ

เกมเริ่มต้นจากการที่ MVP ดราฟต์ตัวได้ดีกว่า พวกเขาได้ Slardar (ฮีโร่ที่เป็นหัวใจสำคัญในการพบกันครั้งก่อน) ขณะที่ Vega ได้ Lone Druid เป็นตัวหลัก ซึ่งต้องได้ไอเท็มดาบเผา (Radiance) ระหว่างนั้นเลยฟาร์มหลีกเลี่ยงการปะทะตลอด ทาง MVP เลยตัดสินใจกดดันตั้งแต่ต้นเกม ขณะที่ Slarder ก็มีโอกาสได้ฟาร์มจนได้ไอเท็มหลักไปครอง และเกมมาชี้ขาดในนาทีที่ 20 ที่ MVP ใช้เอจีสเป็นหัวใจหลักในการคว้าชัยชนะไปครอง (MVP Phoenix 1 – 0 Vega Squadron)

สำหรับเกมที่ 2 การดราฟต์ตัวฮีโร่ดูจะสูสีขึ้น โดย Vega เลือกตัวเก่งอย่าง Gyrocopter, Void และ Puck ขณะที่ MVP เลือกทีมที่เน้นกดดันคู่แข่งแต่แรกเช่นเคยอย่าง Earth Spirit, Venomancer, Nature’s Prophet และ Slardar

MVP ดูจะไปได้สวยตั้งแต่ต้นเกมทั้งการย้ายเลน, แกงค์และการกดดันทาวเวอร์ ที่เผยให้เห็นจุดอ่อน ในการแกงค์ของ Vega จากนั้นในนาทีที่ 14 MVP ก็บุกไปจัดการ Roshan หลังจากที่ปราบฮีโร่ของ Vega 4 ตัวรวด ยิ่งไปกว่านั้น Vega ยังเสียฮีโร่ไปอีก 2 ตัวติดทั้งๆที่ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลย แม้ในนาทีที่ 16 พวกเขาจะยับยั้ง MVP ในการเผชิญหน้ากัน 5 ต่อ 5 ได้ แต่มันก็ไม่พอที่จะช่วยให้พวกเขากลับสู่เกม จน MVP เป็นฝ่ายชนะ 2 เกมติดต่อกัน(MVP Phoenix 2 – 0 Vega Squadron)

ในเกมที่ 3 Vega Squadron ยังไม่หมดหวังง่ายๆ และเริ่มเกมด้วยการเลือกฮีโร่เน้นกดดันตั้งแต่เริ่ม โดยคราวนี้พวกเขามี Slardar และฮีโร่ตัวอื่นๆที่เล่นประสานกันได้ดี ขณะที่ MVP เน้นทีมอาวุธหนักลุยเลนเดียวพร้อมกันทั้ง 3 ตัวอย่าง Juggernaut, Witch Doctor และ Jakiro ซึ่งสามารถทะลายป้อมล่างได้ภายใน 5 นาที อย่างไรก็ตาม Vega เริ่มที่จะกดดันให้มีการต่อสู้มายิ่งขึ้นด้วย Earth Spirit และ Disruptor ที่สามารถจัดการฮีโร่ของ MVP ได้ถึง 4 ตัวในนาทีที่ 12 นาที ยิ่งไปกว่านั้นในนาทีที่ 13 พวกเขายังสามารถจัดการฮีโร่ของ MVP ได้อีก 3 ตัวกับอีก 1 ป้อม และพวกเขายังคิลยกทีมในนาทีที่ 14 กับ 18 จนในนาทีที่ 28 Vega เริ่มที่จะเล่นอย่างระมัดระวังและเอาชนะไปได้ในที่สุด (MVP Phoenix 2 – 1 Vega Squadron)

ในเกมที่ 4 Vega ที่อยู่ในฝั่ง Radiant ได้ทำการเลือกฮีโร่อย่างมั่นใจอันประกอบไปด้วย Drow Ranger และ Nature’s Prophet ซึ่งทำให้พวกเขาจำเป็นต้องช่วงชิงความได้เปรียบตั้งแต่ต้นเกม และมีโอกาสให้เล่นพลาดน้อยมากๆ ซึ่ง MVP สามารถโต้ตอบได้อย่างยอดเยี่ยมจากฮีโร่เลนกลางอย่าง Venomancer และตัวเลนล่างอย่าง Alchemist เป็นตัวหลัก และรูปเกมก็ดำเนินไปตามคาด Vega โหมบุกตั้งแต่ต้นเกม จนกระทั่งการบุกเลนบนในนาทีที่ 11 ที่นำไปสู่สถานการณ์สุดเลวร้ายของพวกเขา โดยเกมเริ่มพลิกตั้งแต่จังหวะนั้นและ Alchemist ก็เริ่มที่จะฟาร์มทองได้มหาศาล จนในนาทีที่ 20 พวกเขาก็ไม่อาจหยุดยั้ง MVP ได้อีกต่อไป เนื่องจาก Vega ไม่อาจทำแดมเมจสำหรับการคิลและไม่อาจสู้เป็นทีมได้ จนแพ้ไปในนาทีที่ 24 (MVP Phoenix 3 – 1 Vega Squadron)

 

จุดเด่นของ MVP Phoenix

MVP แสดงให้เห็นถึงความหลากหลายของพวกเขาด้วยการเลือกฮีโร่ที่ต่างกันไปถึง 27 ตัวตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ รวมไปถึง Bristleback และ Zeus ทื่ไม่ค่อยมีใครเลือกกันเท่าไหร่ กระนั้นก็ตามแผนการหลักของพวกเขาดูเหมือนจะมีอย่างเดียว คือการเน้นบุกหนักตั้งแต่เริ่ม ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาสามารถเอาชนะทีมเน้นต้นเกมอื่นๆได้(ตัวอย่างเช่นในเกมแรกกับ Na’Vi) แต่พวกเขาก็มีความเสี่ยงที่อาจแพ้ภัยตัวเองเช่นกัน(ตัวอย่างเช่นในการแพ้เกมที่ 3 ในนัดชิงชนะเลิศกับ Vega)

ทั้งนี้ฮีโร่ที่ประสบความสำเร็จที่สุดของพวกเขาในทัวร์นาเมนต์นี้คือ Witch Doctor (ชนะ 6 แพ้ 1) และ Slardar ของ QO คือตัวที่ใช้ปราบ Vega Squadron ในรอบ Winner’s Finals และ Grand Finals อย่างแท้จริง(ลง 3 เกมชนะ 100%) รวมไปถึง Axe(ชนะ 3 แพ้ 0) และ Alchemist (ชนะ 2 แพ้ 0) ที่เป็นอีก 2 หัวใจหลักในการคว้าชัย

อัตราการเลือก/แบนฮีโร่(รายการหลัก+รอบคัดเลือก):

T5 อันดับฮีโร่ที่ถูกเลือก	5 อันดับฮีโร่ที่ถูกแบน
1.      Witch Doctor   11 2.      Invoker              7 3.      Bounty Hunter 5 3.      Tidehunter        5 5.      Ember Spirit      4	1.      Chen                7 1.      Enchantress     7 1.      Bounty Hunter 7 4.      Clinkz                6 5.      Beastmaster    4

 

สถิติในรายการหลักของ MVP

อัตราชนะสูงสุด – 81.8% (9 wins, 2 losses)

อัตรา KDA รวมสูงสุด – 4.28

อันดับ 2 อัตรา GPM รวมสูงสุด (2218), ตามหลัง (2241)

อัตรา XPM สูงสุด – 2135

อัตรา GPM เฉลี่ยสูงสุด – QO (657)

อันดับ 2 อัตรา KDA รายบุคคล – MP (9,59), ตามหลัง No[o]ne (9,99)

 

ถึง WePlay Dota 2 League จะจบไปแล้ว แต่เพื่อนๆยังสามารถไปทายผลผู้ชนะในรอบคัดเลือกศึก Manila Major ได้ที่นี่เลย